7 ข้อเท็จจริงของ “แบรม สโตกเกอร์” ผู้แต่งนิยายสยองขวัญเรื่อง “แดร็กคูล่า”

Bram Stoker

แบรม สโตกเกอร์ เป็นนักแต่งนิยายชาวไอริชที่เรารู้จักกันดีในฐานะผู้ให้กำเนิดนิยายสยองขวัญชื่อดังเรื่อง “แดร็กคูล่า” ซึ่งถูกตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1897 ซึ่งดำเนินเรื่องผ่านทางการเขียนไดอารี่และบันทึกการเดินทางของตัวละครชื่อ “Jonathan Harker” ซึ่งเป็นคนแรกที่ได้พบกับแวมไพร์ชื่อว่า “แดร็กคูล่า” นิยายเรื่องนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในนิยายแวมไพร์ที่ดีที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีการแต่งขึ้นมา และถูกเอาไปทำเป็นภาพยนต์ , การ์ตูน , ละครเวทีและละครทีวีอีกมากมายหลายครั้ง สำหรับบทความนี้เราได้รวมเรื่องราวอันน่าสนใจของนักแต่งนิยายท่านนี้ให้ผู้ชมได้อ่านกัน

Dracula

1.จุดเริ่มต้นแห่งแรงบันดาลใจ

ในช่วงวัยเด็กแม่ของเขาชอบเล่าเรื่องสยองให้เขาฟังก่อนนอน และก็มักจะเล่าเรื่องแวมไพร์ดูดเลือดคน และเรื่องสัตว์ประหลาดอื่นๆ ซึ่งเขาก็ชอบที่จะฟังเป็นประจำทำให้เขากลายเป็นคนชอบเรื่องราวเหนือธรรมชาติไปเลย

นอกนั้นยังมีเรื่องราวของเพื่อนบ้านซึ่งเป็นกวีและนักแต่งกลอนชื่อว่า “Dante Gabriel Rossetti” หลังจากที่ภรรยาของเขาตาย “Rossetti” ได้เอาหนังสือบทกลอนรักใส่โลงศพของเธอแล้วก็ฝังไปพร้อมกัน แต่ 7 ปีต่อมาไม่รู้ว่าคิดยังไงอยู่ดีๆเขาก็ไปขุดหลุมฝังศพของภรรยากลางดึกเพื่อที่จะเอาหนังสือออกมา

2.ไม่เอาเด็ดขาด

ในครั้งแรกที่บรรณาธิการได้อ่านคำนำอันน่ากลัวที่ “แบรม สโตกเกอร์” เขียนลงในนิยายเรื่อง “แดร็กคูล่า” เขาก็พูดออกมาว่าไม่ให้ผ่านอย่างแน่นอน นั่นก็เพราะว่าในช่วงนั้น มีฆาตรกรต่อเนื่องชื่อ “แจ็คเดอะริปเปอร์” กำลังออกอาละวาดในลอนดอน และบรรณาธิการก็กลัวว่าคำนำในหนังสือจะสร้างกระแสหวาดกลัวขึ้นมาจนทำให้ตัวเองเดือดร้อน ในที่สุดก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงคำนำของนิยายเวอร์ชั่นที่ตีพิมพ์ในสหราชอาณาจักร

3.เนื้อหาที่อยู่ในคำนำฉบับเดิม

ในตอนแรกนั้น “แบรม สโตกเกอร์” ได้เขียนคำนำโดยกล่าวว่า “ได้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริง และตัวละครจำนวนมากในนิยายเล่มนี้ก็เป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงๆ เขาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเขียนมันออกมาเป็นนิยาย แต่ต้องการเตือนผู้คนให้ระวังว่าปีศาจร้ายนั้นมีอยู่จริงๆ” ก็ไม่แปลกที่ บ.ก. จะไม่ให้ผ่านนะ

4.เขาเป็นนักเขียนที่มีความอดทนมาก

แบรม ใช้เวลาในการแต่งนิยายเรื่องนี้นานมากถึง 7 ปี เป็นเพราะว่าเขาต้องค้นคว้าวิจัยข้อมูลมากมายหลายเรื่องเลยกว่าจะเอามาใช้เขียนนิยายได้ และในตอนที่นิยายเรื่องนี้ประสบความสำเร็จเขาก็มีอายุ 50 ปีพอดีเลย

ส่วนแม่ของเขาเองก็สุดยอดเช่นกัน เพราะที่ผ่านมาเธอทำงานการกุศลมาตลอดและทำงานเพื่อช่วยเหลือคนพิการหูหนวกให้หางานทำได้นอกนั้นเธอยังรับเด็กมาเลี้ยงดูได้ถึง 7 คนเลยทีเดียว

 5.ความสัมพันธ์กับค่าย Marvel

นอกจากจะไปปรากฏตัวในทีวีและในภาพยนต์แล้ว ยังมีการเอา ท่านเคาท์ “แดร็กคูล่า” ไปปะทะกับเหล่าซุปเปอร์อีโร่ในหนังสือการ์ตูนของ Marvel อีกด้วย รายชื่อซุปเปอร์ฮีโร่ที่เคยปะทะกับท่านเคาท์มาแล้วก็มี สไปเดอร์-แมน , ดร.สเตรนจ์ , ทีม X-Men , Hulk และธอร์ และในปี ค.ศ.1973 ท่านเคาท์เคยร่วมมือกับทีมอเวนเจอร์ในการต่อสู้กับ “Mindless Ones” ด้วยเหตุผลที่ว่าหากมนุษยชาติโดนล้างบางจนหมดแล้วท่านจะไปดูดเลือดใคร

6.เขาคือผู้ให้กำเนิดตัวละคร แวน เฮลซิ่ง

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใครหลายคนไม่เคยรู้มาก่อนเพราะคนในยุคปัจจุบันรู้จัก “แดร็กคูล่า” ผ่านทางภาพยนต์หรือสื่ออื่นๆมากกว่าที่จะอ่านนิยายทั้งเล่ม โดยตัวละครนักล่าปีศาจคนนี้ปรากฏตัวครั้งแรกในนิยายเรื่อง “แดร็กคูล่า” นี่แหละ

7.เขามีหัวด้านการโปรโมทเหมือนกัน

ก่อนที่จะวางจำหน่ายนิยายเวอร์ชั่นหนังสือเพียง 8 วัน เขาก็ได้เอาบทนิยายเวอร์ชั่นละครเวทีเอาไปให้โรงละครใช้ในการแสดง 8 วันเต็มๆ ทำให้เกิดกระแสความต้องการหนังสือนิยายขึ้นมาในช่วงเวลาอันสั้น

8.ท่านเคาท์กลับมาแล้ว

ในปี ค.ศ.2018 นักแต่งนิยายชื่อ “เดเคอร์ สโตคเกอร์” ซึ่งเป็นลูกหลานของแบรมได้ทำการเขียนนิยายภาคต่อสืบทอดตำนาน “แดร็กคูล่า” โดยมีชื่อเรื่องว่า “Dracul” โดยเหตุการณ์ในภาคนี้จะเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในนิยายภาคแรก โดยมีไอเดียในการแต่งเนื้อเรื่องคือ “จะเกิดอะไรขึ้นหากเนื้อเรื่องในนิยายที่แบรมเคยแต่งไว้นั้นเป็นเรื่องจริง”